1. บทนิยาม (Definitions) #
- “ผู้ให้บริการ” หมายถึง MDC.in.th รวมถึงตัวแทนจำหน่าย ผู้ดูแลระบบ ผู้ให้บริการซัพพอร์ต และพันธมิตรทางเทคนิคที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง
- “ผู้ใช้บริการ” หมายถึงบุคคลธรรมดา นิติบุคคล หรือองค์กรที่ใช้บริการของ SLA.in.th ไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านตัวแทนจำหน่ายของ MDC.in.th
- “บริการ” หมายถึงบริการทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในข้อ 3 รวมถึง Monitoring, Alerting, Status Page, Server Management และบริการที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ภายใต้แบรนด์ SLA.in.th
- “Downtime” หมายถึงช่วงเวลาที่บริการหลักไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ หรือไม่สามารถเข้าถึงได้จากโครงข่ายอินเทอร์เน็ตภายนอก
- “เหตุสุดวิสัย” หมายถึงเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ให้บริการ เช่น ภัยธรรมชาติ ไฟไหม้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว สงคราม การก่อการร้าย การล่มของเครือข่ายสาธารณะ หรือเหตุการณ์อื่นที่ทำให้ไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ
2. วัตถุประสงค์ (Objective) #
SLA ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดมาตรฐานด้านความพร้อมใช้งาน ความปลอดภัย ความเสถียร และความรับผิดชอบร่วมกันระหว่าง MDC.in.th (รวมถึงตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต) กับผู้ใช้บริการของ SLA.in.th เพื่อสร้างความโปร่งใส และความมั่นใจในคุณภาพการให้บริการ ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถประเมินความเชื่อถือได้ของระบบ และกำหนดขอบเขตความคาดหวังที่ชัดเจนต่อการใช้งานบริการทั้งหมด
3. ขอบเขตการให้บริการ (Scope of Services) #
บริการภายใต้ข้อตกลงนี้:
- Hosting / Virtual Machine (VM)
- Micro Colocation / Edge Rack
- ระบบสำรองข้อมูล (Backup System)
- IoT Edge Compute
บริการที่ไม่ครอบคลุม:
- อุปกรณ์หรืออินเทอร์เน็ตฝั่งลูกค้า
- ซอฟต์แวร์/สคริปต์ที่ติดตั้งโดยลูกค้าเอง
- บริการ Third Party ที่ผู้ให้บริการไม่สามารถควบคุมได้
4. การรับประกันความพร้อมใช้งาน (Uptime Guarantee) #
ผู้ให้บริการรับประกันความพร้อมใช้งานของระบบไฟฟ้าและเครือข่ายภายในศูนย์ข้อมูล รวมถึงระบบพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการให้บริการในระดับไม่น้อยกว่า 99.00% ต่อเดือน ทั้งนี้การคำนวณ Uptime จะอ้างอิงเฉพาะ Downtime ที่เกิดจากโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของผู้ให้บริการเท่านั้น
4.1 สิ่งที่ครอบคลุมการรับประกัน
- การทำงานของระบบไฟฟ้าภายในศูนย์ข้อมูล (Power Availability)
- ความเสถียรของระบบเครือข่ายหลัก เช่น Core Network, Internet Upstream
- ความพร้อมใช้งานของเครื่องแม่ข่าย (Compute Node) ที่อยู่ภายใต้บริการ Hosting/VM
- โครงสร้างพื้นฐานพื้นฐานของบริการ Storage, Switch, Router ที่ผู้ให้บริการดูแล
4.2 สิ่งที่ไม่รวมอยู่ในการคำนวณ Uptime
- การบำรุงรักษาตามแผน (Planned Maintenance) ที่แจ้งล่วงหน้า
- ความผิดพลาดจากการตั้งค่าหรือการใช้งานของผู้ใช้บริการ (User Misconfiguration)
- ความล้มเหลวของระบบที่ผู้ใช้บริการติดตั้งเอง เช่น Software, Script, API
- เหตุสุดวิสัย เช่น ภัยธรรมชาติ, ไฟดับระดับประเทศ, ISP ล่มในวงกว้าง
- การถูกโจมตีไซเบอร์ที่รุนแรง เช่น DDoS ขนาดใหญ่จนเกินขีดจำกัดการป้องกัน
4.3 การคำนวณ Uptime
สูตรมาตรฐาน:
Uptime (%) = ((เวลาทั้งหมดในเดือน – Downtime ที่เข้าข่าย SLA) / เวลาทั้งหมดในเดือน) × 100
ผู้ให้บริการจะจัดทำรายงาน Downtime รายเดือนให้ผู้ใช้บริการในกรณีที่ร้องขอ หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อ SLA
5. การบำรุงรักษาระบบ (System Maintenance) #
การบำรุงรักษาระบบเป็นกระบวนการสำคัญเพื่อรักษาความเสถียร ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของบริการ ผู้ให้บริการมีการแบ่งประเภทการบำรุงรักษาออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ การบำรุงรักษาตามแผน และการบำรุงรักษาฉุกเฉิน
5.1 การบำรุงรักษาตามแผน (Planned Maintenance)
- ผู้ให้บริการจะแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก่อนเริ่มดำเนินการ
- ดำเนินการในช่วงเวลาที่กระทบต่อผู้ใช้บริการน้อยที่สุด เช่น ช่วงกลางดึก
- อาจรวมถึงการอัปเดตแพตช์, ปรับปรุงระบบ, ทดสอบอุปกรณ์ และเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย
- ช่วงเวลานี้ไม่ถูกนำไปนับรวมเป็น Downtime ในการคำนวณ SLA
5.2 การบำรุงรักษาฉุกเฉิน (Emergency Maintenance)
- ดำเนินการทันทีเมื่อพบเหตุที่อาจสร้างความเสี่ยงต่อความปลอดภัยหรือเสถียรภาพของระบบ
- ผู้ให้บริการจะแจ้งผู้ใช้บริการโดยเร็วที่สุดหลังเริ่มการบำรุงรักษา
- อาจเกิดจากปัญหาฮาร์ดแวร์, ช่องโหว่ความปลอดภัยรุนแรง, หรือระบบสำคัญทำงานผิดปกติ
- อาจส่งผลให้บริการหยุดชั่วคราวในบางส่วน
5.3 ขอบเขตการบำรุงรักษาของ IDC และ MDC
- IDC: ดูแลระบบไฟฟ้า ความเย็น ความปลอดภัยกายภาพ ระบบเครือข่ายหลัก และอุปกรณ์โครงสร้างพื้นฐาน
- MDC: ดูแลระบบระดับบริการ เช่น VM, Monitoring, ระบบแจ้งเตือน และ Managed Service อื่น ๆ
6. การสนับสนุนทางเทคนิค (Technical Support) #
ผู้ให้บริการมีทีมงาน NOC และฝ่ายสนับสนุนทางเทคนิคที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ความช่วยเหลือ ตรวจสอบ และแก้ไขเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบ โดยแบ่งระดับความรุนแรง (Severity) และเวลาตอบกลับดังนี้:
6.1 ระดับความรุนแรงของปัญหา (Severity Level)
| ระดับความรุนแรง | คำจำกัดความ | เวลาตอบกลับ (Response Time) |
|---|---|---|
| Critical | บริการหลักหยุดทำงานทั้งหมด หรือมีผลกระทบลักษณะหยุดให้บริการ | ภายใน 15 นาที |
| High | ระบบสำคัญทำงานผิดปกติหรือประสิทธิภาพลดลงมาก | ภายใน 1 ชั่วโมง |
| Medium | ระบบบางส่วนทำงานผิดปกติ แต่บริการหลักยังสามารถใช้งานได้ | ภายใน 4 ชั่วโมงทำการ |
| Low | คำถามทั่วไปหรือคำปรึกษาที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบ | ภายใน 24 ชั่วโมงทำการ |
6.2 ช่องทางการติดต่อฝ่ายสนับสนุน
- โทรศัพท์ NOC 24/7: 088-750-9553
- Email Support: noc@mdc.in.th
- LINE Official: @mdcth
- รองรับ Ticket ผ่านระบบแจ้งปัญหา (ถ้ามี)
6.3 ขอบเขตการสนับสนุน (Support Scope)
- รวม: ปัญหาเซิร์ฟเวอร์/VM ที่ผู้ให้บริการดูแล, Network, Hardware, ระบบของบริการหลัก
- ไม่รวม: Software, Code, Script, Database Schema ที่ผู้ใช้บริการพัฒนาด้วยตนเอง
- ผู้ให้บริการสามารถประสานงานกับ IDC เมื่อปัญหาอยู่ในระดับโครงสร้างพื้นฐาน
6.4 การสื่อสารสถานะเหตุการณ์
- เมื่อเกิดเหตุสำคัญ ผู้ให้บริการจะอัปเดตสถานะเป็นระยะ จนกว่าระบบจะกลับสู่ปกติ
- กรณีเหตุร้ายแรง (Critical Incident) ผู้ให้บริการจัดทำ RCA ภายใน 72 ชั่วโมง
- ใช้ช่องทางอีเมล, Line OA หรือ Status Page ในการประกาศ
7. มาตรการชดเชยบริการ (Service Credits) #
| Uptime รายเดือน | เครดิต |
|---|---|
| < 99% ≥ 98% | 5% |
| < 98% ≥ 95% | 10% |
| < 95% | 25% |
8. หน้าที่และความรับผิดชอบของคู่สัญญา (Responsibilities of Parties) #
เพื่อให้การใช้บริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ให้บริการ (MDC.in.th) และผู้ใช้บริการ ต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
8.1 หน้าที่ของผู้ให้บริการ
- ดูแลรักษาระบบ เซิร์ฟเวอร์ และโครงสร้างพื้นฐานให้มีความเสถียรและสามารถใช้งานได้ตาม SLA
- ตรวจสอบสถานะของระบบ (Monitoring) ตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งเตือนผู้ใช้บริการเมื่อพบเหตุผิดปกติ
- แจ้งกำหนดการบำรุงรักษาระบบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
- ดำเนินการแก้ไขเหตุขัดข้องตามระดับความรุนแรงที่ระบุ
- ดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลตามนโยบายข้อ 12
- รักษาความลับของข้อมูลลูกค้า และไม่เปิดเผยหรือใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
- จัดเก็บข้อมูลสำรองหรือประสานงานกับ IDC และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็น
- ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น PDPA
8.2 หน้าที่ของผู้ใช้บริการ
- ชำระค่าบริการตามกำหนดเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการระงับหรือยกเลิกบริการ
- ดูแลรักษาข้อมูลภายในระบบของตนเอง เช่น การตั้งค่าความปลอดภัย แอปพลิเคชัน หรือฐานข้อมูล
- รักษาความลับข้อมูลการเข้าถึงระบบ เช่น Username, Password, API Key
- แจ้งข้อมูลที่ถูกต้อง เช่น IP, Domain, ช่องทางการติดต่อ เพื่อใช้ในการแจ้งเตือนและสนับสนุน
- ไม่ใช้บริการในทางที่ผิดกฎหมาย เช่น การโจมตีระบบ, Phishing, Spam, Malware
- สำรองข้อมูลภายในระบบของตนเองเป็นระยะ หากบริการที่ใช้งานไม่ได้รวมระบบ Backup
- แจ้งผู้ให้บริการทันทีเมื่อพบเหตุผิดปกติหรือคาดว่าข้อมูลถูกละเมิด
9. การรักษาความลับและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Confidentiality & Data Protection) #
ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการต้องปฏิบัติตามหลักการรักษาความลับของข้อมูล รวมถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น PDPA เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของแต่ละฝ่ายได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม
9.1 การรักษาความลับของข้อมูล
- ข้อมูลของผู้ใช้บริการ รวมถึงเอกสาร การตั้งค่า หรือข้อมูลที่จัดเก็บในระบบ จะถูกเก็บเป็นความลับ
- ผู้ให้บริการจะไม่เปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลที่สาม ยกเว้นกรณี:
- ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการโดยชัดแจ้ง
- เป็นคำขอจากหน่วยงานรัฐตามกฎหมาย
- จำเป็นต่อการแก้ไขเหตุฉุกเฉินเพื่อป้องกันความเสียหายแก่ระบบหรือผู้ใช้บริการรายอื่น
- เจ้าหน้าที่ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลต้องเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายอย่างถูกต้องเท่านั้น
- ข้อมูลจะถูกใช้เฉพาะเพื่อการให้บริการเท่านั้น ไม่ใช้เพื่อการตลาดหรือการวิเคราะห์โดยไม่ได้รับอนุญาต
9.2 การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)
- ผู้ใช้บริการมีสถานะเป็น “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)”
- ผู้ให้บริการ (MDC) ทำหน้าที่เป็น “ผู้ประมวลผลข้อมูล (Data Processor)”
- ผู้ให้บริการจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งของผู้ใช้บริการเท่านั้น
- ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกนำไปใช้หรือเผยแพร่เกินขอบเขตที่กำหนด
- มีมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การจำกัดสิทธิ์เข้าถึง การเข้ารหัส และการติดตาม Log
- ผู้ให้บริการจะลบข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อสิ้นสุดสัญญาตามขั้นตอนในข้อ Data Retention
9.3 เหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล (Data Breach Response)
- หากเกิดเหตุ Data Breach ผู้ให้บริการจะตรวจสอบเหตุทันทีภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
- แจ้งผู้ใช้บริการโดยไม่ชักช้า พร้อมให้ข้อมูล:
- ประเภทข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ
- ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
- มาตรการที่ได้ดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไข
- ผู้ให้บริการจะดำเนินการป้องกันเหตุให้เกิดซ้ำ เช่น ปรับกระบวนการหรืออัปเดตระบบที่เกี่ยวข้อง
10. ข้อจำกัดความรับผิดและเหตุสุดวิสัย (Liability & Force Majeure) #
ผู้ให้บริการจะมุ่งมั่นรักษาคุณภาพและความต่อเนื่องของบริการ อย่างไรก็ตาม ความรับผิดของผู้ให้บริการจะถูกจำกัดไว้ตามขอบเขตที่กำหนดในข้อตกลงฉบับนี้ และสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
10.1 ข้อจำกัดความรับผิด
- ผู้ให้บริการมีความรับผิดสูงสุดเท่ากับค่าบริการรายเดือนของบริการที่เกิดปัญหาเท่านั้น
- ผู้ให้บริการไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายทางอ้อม เช่น การสูญเสียรายได้, โอกาสทางธุรกิจ, หรือข้อมูล
- ผู้ให้บริการไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานผิดวิธีของผู้ใช้บริการ
- ผู้ให้บริการไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากซอฟต์แวร์หรือระบบที่ผู้ใช้บริการติดตั้งเอง
10.2 เหตุสุดวิสัย
ผู้ให้บริการจะได้รับการยกเว้นความรับผิด หากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้เนื่องจากเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เช่น:
- ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุ
- เหตุจลาจล สงคราม การก่อการร้าย หรือความไม่มั่นคงทางการเมือง
- ไฟฟ้าหรือโครงข่ายสื่อสารสาธารณะล่ม
- เหตุการณ์ความมั่นคงไซเบอร์ระดับประเทศ เช่น โครงข่าย ISP ล่มพร้อมกันหลายจุด
ในกรณีดังกล่าว ผู้ให้บริการจะพยายามแก้ไขสถานการณ์และฟื้นฟูระบบโดยเร็วที่สุด พร้อมแจ้งสถานการณ์ให้ผู้ใช้บริการทราบ
11. นโยบายการจัดการเหตุขัดข้อง (Incident Management & RCA Policy) #
ผู้ให้บริการมีระบบจัดการเหตุขัดข้อง (Incident Management System) เพื่อให้สามารถตรวจจับ วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
11.1 การตรวจจับและแจ้งเตือนเหตุผิดปกติ
- ระบบ Monitoring ตรวจจับความผิดปกติแบบ Real-time
- แจ้งเตือนทีม NOC ภายใน 1 นาทีหลังพบเหตุ
- มีการจัดลำดับความสำคัญของเหตุการณ์ตาม Severity Level
11.2 กระบวนการแก้ไขเหตุการณ์
- ทีม NOC ตรวจสอบและยืนยันเหตุการณ์ทันทีเมื่อได้รับแจ้งเตือน
- แยกสาเหตุเบื้องต้น เช่น เครื่องลูกค้า, ระบบเครือข่าย, ระบบภายใน
- ดำเนินการแก้ไขตามลำดับความสำคัญ (Critical, High, Medium, Low)
- สื่อสารสถานะเหตุการณ์แก่ผู้ใช้บริการตามความเหมาะสม
11.3 รายงานสรุปเหตุการณ์ (RCA)
- จัดทำ RCA ภายใน 72 ชั่วโมงสำหรับกรณี Critical Incident
- เนื้อหา RCA ครอบคลุมสาเหตุ ผลกระทบ ระยะเวลา Downtime และแนวทางป้องกัน
- RCA จะถูกส่งให้ผู้ใช้บริการผ่านอีเมลหรือระบบ Ticket
- มีการติดตามผลการแก้ไข (Follow-up Action)
11.4 การบันทึกเหตุการณ์ (Incident Log)
- บันทึกรายละเอียดเหตุการณ์ทุกระดับ
- เก็บประวัติอย่างน้อย 12 เดือน
- ใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการ
12. มาตรฐานด้านความปลอดภัย (Security Standards) #
มาตรฐานด้านความปลอดภัยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ MDC ซึ่งดูแลด้านความปลอดภัยของระบบและข้อมูลในระดับบริหารจัดการ (Managed Service) และ IDC ซึ่งดูแลด้านความปลอดภัยทางกายภาพและโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล
12.1 มาตรฐานความปลอดภัยของ MDC
MDC.in.th ดูแลระบบในระดับแอปพลิเคชัน ระบบบริการ และข้อมูลของลูกค้า
1) ความปลอดภัยของระบบ
- อัปเดตแพตช์ความปลอดภัยของระบบบริหารจัดการเป็นประจำ
- ตรวจสอบความผิดปกติของระบบด้วย Monitoring ตลอด 24/7
- จำกัดสิทธิ์การเข้าถึงตามหลัก Least Privilege
- ใช้ระบบยืนยันตัวตนหลายชั้น (MFA) สำหรับผู้ดูแลระบบภายใน
2) ความปลอดภัยของข้อมูล
- ข้อมูลถูกเข้ารหัสระหว่างส่งผ่าน TLS 1.2+ หรือสูงกว่า
- ข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสก่อนจัดเก็บตามนโยบาย Backup
- จำกัดเจ้าหน้าที่ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เฉพาะผู้จำเป็น
- มีระบบบันทึกการเข้าถึงข้อมูล (Access Logs) เพื่อการตรวจสอบ
3) ความปลอดภัยของเครือข่าย
- ใช้ Firewall และการกรองความปลอดภัยตามระดับบริการที่บริหารจัดการโดย MDC
- ตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติของทราฟฟิกผ่านระบบ Monitoring
- ใช้เครือข่ายต้นทางจาก IDC ซึ่งมีความมั่นคงสูงและมีระบบป้องกันหลายชั้น
4) การจัดการเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย
- ทีม NOC ตรวจสอบเหตุผิดปกติทางความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ตอบสนองเหตุการณ์ตามระดับความรุนแรงที่ระบุใน SLA
- ประสานกับ IDC ทันทีหากพบเหตุที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน
5) การจัดการข้อมูลสำรองและกู้คืน
- สำรองข้อมูลตามรอบเวลาที่กำหนดของบริการ
- ตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์สำรองตามรอบที่กำหนด
- ประสานงานการกู้คืนข้อมูลให้ลูกค้าตามขั้นตอนในข้อ 14
12.2 มาตรฐานความปลอดภัยของ IDC (Facility Security)
IDC ดูแลความปลอดภัยด้านกายภาพ พลังงาน ระบบเครือข่าย และโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด
1) ความปลอดภัยทางกายภาพ
- ระบบควบคุมการเข้าออกแบบหลายชั้น (Multi-layer Access Control)
- กล้องวงจรปิด CCTV ครอบคลุมพื้นที่ 24 ชั่วโมง
- ตรวจสอบบันทึกผู้เข้าออก (Visitor Logging)
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำศูนย์ข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง
2) ระบบพลังงานและไฟฟ้า
- ใช้ระบบ UPS แบบ N+1 หรือมากกว่า เพื่อป้องกันไฟตก/ไฟดับ
- มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองที่สามารถทำงานได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมง
- ระบบไฟฟ้าภายในศูนย์ข้อมูลมีเส้นทางสำรองหลายเส้น (Redundant Power Path)
- มีระบบป้องกันไฟกระชากและ Grounding ตามมาตรฐานสากล
3) ระบบควบคุมอุณหภูมิ
- ระบบปรับอากาศแบบ Precision Cooling
- รักษาอุณหภูมิในช่วง 18–27°C ตามมาตรฐาน ASHRAE
- ระบบความเย็นสำรองแบบ N+1
4) ระบบป้องกันอัคคีภัย
- ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เช่น FM-200 หรือ Novec 1230
- เซนเซอร์ตรวจจับควันความไวสูง (VESDA)
- มีพื้นที่อพยพฉุกเฉินและเส้นทางหนีไฟตามมาตรฐาน
5) มาตรฐานศูนย์ข้อมูลและความพร้อมใช้งาน
- ใช้ศูนย์ข้อมูลที่อยู่ในเกณฑ์ Tier III ขึ้นไป
- สายสื่อสารสำรองหลายเส้นทาง (Fiber Redundant Paths)
- โครงข่ายอินเทอร์เน็ตหลายผู้ให้บริการ (Multi-Upstream ISP)
- Network Uptime 99.9% – 99.99% ตามมาตรฐาน IDC
6) การปฏิบัติตามข้อกำหนด (Compliance)
- IDC ปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO/IEC 27001 ในระดับศูนย์ข้อมูล
- บางศูนย์ข้อมูลผ่านมาตรฐาน ISO/IEC 20000 และ ISO/IEC 22301
- เป็นไปตามข้อกำหนดของ PDPA และกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้อง
13. นโยบายการยกเลิกบริการและการระงับบริการ (Termination & Service Suspension) #
13.1 การยกเลิกบริการโดยผู้ใช้บริการ
- แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนยกเลิกบริการ
- ต้องชำระค่าบริการค้างทั้งหมดก่อนยกเลิก
- ผู้ใช้บริการต้องสำรองข้อมูลก่อนยกเลิก
- ค่าบริการที่ชำระแล้วไม่สามารถคืนเงินได้
13.2 การลบข้อมูลหลังการยกเลิกบริการ
- ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ 30 วันหลังยกเลิก
- ครบกำหนด 30 วัน ข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบถาวร
- หากต้องการลบทันที ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร
13.3 การระงับบริการชั่วคราว (Service Suspension)
กรณีที่สามารถระงับได้ทันที:
- ค้างชำระค่าบริการ (แจ้งเตือนล่วงหน้า 3 วัน)
- ละเมิด AUP เช่น ส่งสแปม, โฮสต์ Malware, DDoS
- กิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น Phishing, Fraud
- กิจกรรมที่ส่งผลต่อความปลอดภัยระบบหรือผู้ใช้อื่น
- พบ Traffic ผิดปกติรุนแรงหรือเหตุคุกคามความปลอดภัย
13.4 การยกเลิกบริการโดยผู้ให้บริการ
- ค้างชำระเกิน 30 วันและผู้ใช้บริการไม่ติดต่อกลับ
- ละเมิดกฎหมายหรือใช้งานผิดเงื่อนไขซ้ำซาก
- การใช้งานที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบหรือผู้ใช้รายอื่น
- ผู้ใช้บริการกระทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคง หรือความปลอดภัย
13.5 การเปิดใช้บริการอีกครั้ง (Service Reactivation)
- เปิดใช้ได้หลังชำระเงินค้างหรือแก้ไขปัญหาที่ระบุ
- อาจมีค่าธรรมเนียม Reactivation
- หากข้อมูลถูกลบแล้วจะไม่สามารถกู้คืนได้
14. ระบบสำรองและกู้คืนระบบ (Backup & Disaster Recovery) #
ผู้ให้บริการมีระบบสำรองข้อมูลและระบบกู้คืนฉุกเฉิน (BDR/DRP) เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลและบริการของผู้ใช้บริการสามารถกู้คืนได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ
14.1 นโยบายการสำรองข้อมูล (Backup Policy)
- ผู้ให้บริการจะสำรองข้อมูลตามรอบเวลาของบริการ เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือกำหนดเอง
- ข้อมูลสำรองครอบคลุมข้อมูลสำคัญ เช่น Virtual Machine, Database, Configuration Files
- มีการสำรองข้อมูลแบบ Snapshot, Incremental, Differential ตามประเภทบริการ
- ข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย โดยใช้มาตรฐาน AES-256 หรือเทียบเท่า
14.2 การจัดเก็บข้อมูลสำรอง (Backup Storage Architecture)
- ข้อมูลสำรองถูกจัดเก็บแยกจากระบบ Production เพื่อป้องกันเหตุ Failover หรือการโจมตี
- สิทธิ์การเข้าถึงสำรองข้อมูลจำกัดเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง (Least Privilege)
- ระบบสำรองข้อมูลเก็บรักษาข้อมูลตามนโยบาย 30–90 วัน ตามบริการ
- มีระบบตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลสำรอง (Backup Integrity Check)
14.3 การสำรองข้อมูลต่างศูนย์ (Off-site & Geo-redundancy)
- ข้อมูลสำรองชุดสำคัญถูกเก็บในศูนย์ข้อมูลอีกแห่ง (Off-site Backup)
- ศูนย์ข้อมูลต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยเทียบเท่าหรือสูงกว่า Data Center หลัก
- ข้อมูลระหว่างศูนย์เข้ารหัสด้วย TLS 1.2+ และมีการตรวจสอบสิทธิ์ทุกครั้ง
- รองรับ Geo-Redundant Backup สำหรับบริการระดับสูง
14.4 ค่าเวลาการกู้คืนระบบ (RTO)
- บริการทั่วไป: RTO 1–4 ชั่วโมง
- บริการระดับ Critical: RTO ≤ 1 ชั่วโมง
- บริการแบบ DR Site: สามารถ Failover ได้ใน 15–30 นาที
14.5 ค่าเวลาสูญหายของข้อมูล (RPO)
- บริการทั่วไป: RPO ≤ 24 ชั่วโมง
- บริการระดับสูง: RPO ≤ 1–4 ชั่วโมง
- ระบบที่รองรับ Replication: RPO ≤ 15 นาที
14.6 ขั้นตอนการกู้คืนระบบ
- ประเมินสาเหตุและขอบเขตความเสียหายของระบบ
- เลือกข้อมูลสำรองตาม RPO ที่เหมาะสมที่สุด
- กู้คืนระบบ/VM/Database และตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล
- ทดสอบการทำงานหลังการกู้คืน ก่อนเปิดให้ใช้งานจริง
- จัดทำรายงานสรุปเหตุการณ์และแนวทางป้องกันในอนาคต
14.7 การทดสอบระบบ DR
- ผู้ให้บริการทดสอบแผนกู้คืนระบบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ทดสอบทั้ง Backup/Restore, Failover และ Communication Plan
- ผู้ให้บริการจัดทำรายงานผลการทดสอบ DR เพื่อปรับปรุงกระบวนการ
- หากพบช่องโหว่ จะมีการปรับปรุง DRP ภายใน 30 วัน
14.8 ข้อจำกัดและความรับผิดชอบของผู้ใช้บริการ
- การกู้คืนข้อมูลขึ้นอยู่กับรอบสำรองข้อมูลของแพ็กเกจที่สมัคร
- ข้อมูลที่ถูกลบโดยผู้ใช้บริการเอง อาจไม่สามารถกู้คืนได้
- ข้อมูลที่เกินระยะเวลาเก็บรักษาตามนโยบายจะไม่ถูกเก็บสำรองอีก
- ผู้ใช้บริการต้องทดสอบความถูกต้องของข้อมูลหลังการกู้คืน
15. นโยบายการใช้บริการที่ยอมรับได้ (AUP) #
- ห้ามโฮสต์หรือเผยแพร่เนื้อหาที่ผิดกฎหมาย รวมถึงเนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ข่าวปลอม อนาจารเด็ก ความรุนแรงสุดโต่ง หรือเนื้อหาที่ขัดต่อกฎหมายไทย
- ห้ามใช้บริการเพื่อโจมตีระบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นการสแกนพอร์ต การแฮ็ก การ Brute Force การรันสคริปต์สร้างโหลดสูงผิดปกติ หรือการโจมตีแบบ DDoS
- ห้ามส่งสแปม มัลแวร์ ฟิชชิง Ransomware หรือข้อความจำนวนมากผิดปกติผ่านระบบแจ้งเตือน เช่น Line, Telegram, Email หรือ Webhook
- ห้ามใช้บริการเป็น Proxy/VPN หรือ Relay ใด ๆ เพื่อกระทำการที่ผิดกฎหมาย หรือหลีกเลี่ยงการติดตามตัวตน
- ห้ามใช้งานเพื่อตรวจสอบหรือ Monitoring ระบบของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของระบบ
- ห้ามใช้บริการในกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบควบคุมทางการแพทย์ ระบบอุตสาหกรรมที่อาจส่งผลต่อชีวิตหรือความปลอดภัย
- ผู้ใช้ต้องดูแลบัญชีผู้ใช้ API Key และ Token ของตนเองให้ปลอดภัย และไม่เปิดเผยต่อบุคคลอื่น
- ห้ามส่ง Request/API เกินขีดจำกัดของแพ็กเกจ หรือทำให้ระบบโดยรวมทำงานผิดปกติ
- ทีมงานมีสิทธิ์ระงับ บล็อก หรือยกเลิกการให้บริการ หากตรวจพบการใช้งานผิดเงื่อนไขหรือมีความเสี่ยงต่อระบบส่วนรวม
16. การปฏิบัติตามกฎหมาย (Compliance) #
- ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมทุกฉบับ เช่น การป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบ การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ และการทำลายความมั่นคงของระบบ
- ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA พ.ศ. 2562) ในการจัดเก็บ ประมวลผล ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการอย่างปลอดภัย
- เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายไทยทุกประการ รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ ทรัพย์สินทางปัญญา ความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ โทรคมนาคม และกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง
- ผู้ใช้บริการต้องไม่ใช้บริการเพื่อกระทำการที่ผิดกฎหมาย เช่น ฉ้อโกง ฟอกเงิน การพนันออนไลน์ สร้างความเสียหายต่อระบบผู้อื่น หรือการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
- ผู้ให้บริการมีสิทธิ์ระงับหรือยกเลิกบริการ หากพบว่ามีการใช้งานที่ขัดต่อกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
- ผู้ใช้บริการต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ทางกฎหมายที่เกิดขึ้นจากการใช้งานระบบทุกกรณี หากมีการละเมิดกฎหมายหรือข้อบังคับที่กำหนด
17. พื้นที่ให้บริการ (Service Coverage Areas) #
17.1 พื้นที่ให้บริการแบบออนไลน์ (Online Services)
- ให้บริการออนไลน์ครอบคลุมทั่วประเทศ
- รองรับ Hosting, VM, Backup, ระบบคลาวด์ และบริการที่เกี่ยวข้อง
- ไม่มีข้อจำกัดพื้นที่ในการรับบริการออนไลน์
- รองรับช่องทางติดต่อ Ticket, Email, Line OA และโทรศัพท์
17.2 พื้นที่ให้บริการแบบออนไซต์ (On-Site Services)
- ให้บริการออนไซต์เฉพาะพื้นที่ที่ระบุในนโยบายตามรายการด้านล่าง
- รองรับงานติดตั้ง ตรวจสอบระบบ แก้ไขปัญหา เดินสาย และงานภาคสนาม
- พื้นที่ห่างไกลอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามความจำเป็น
- การเข้าพื้นที่ที่มีการควบคุม (เช่น IDC หรือสถานที่ราชการ) ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานปลายทาง
17.3 อัตราค่าบริการ (Online & On-Site Service Rates)
17.3.1 บริการออนไลน์ (Online Support)
| ประเภทธุรกรรม | อัตราค่าบริการ |
|---|---|
| ค่าบริการออนไลน์ | 500 บาท / 2 ชั่วโมงแรก |
| ชั่วโมงเพิ่มเติม | 50 บาท / ชั่วโมง |
17.3.2 บริการออนไซต์ (On-Site Support)
| พื้นที่ให้บริการ | 2 ชั่วโมงแรก | ชั่วโมงถัดไป |
|---|---|---|
| อ. คุระบุรี / อ. ตะกั่วป่า | 500 บาท | 100 บาท/ชั่วโมง |
| อ. กะปง / อ. สุขสำราญ (ระนอง) | 1,000 บาท | 100 บาท/ชั่วโมง |
| อ. เมืองพังงา / อ. ท้ายเหมือง / อ. ตะกั่วทุ่ง | 1,500 บาท | 100 บาท/ชั่วโมง |
| อ. ทับปุด (พังงา) / อ. อ่าวลึก (กระบี่) / อ. พนม (สุราษฎร์ธานี) / อ. กะเปอร์ (ระนอง) | 2,000 บาท | 100 บาท/ชั่วโมง |
18. กรอบคุณภาพบริการ (Quality of Service – QoS) #
กรอบคุณภาพบริการ (QoS) กำหนดมาตรฐานด้านประสิทธิภาพ ความเสถียร และความต่อเนื่องของระบบ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีคุณภาพสูง สามารถคาดการณ์ได้ และเป็นไปตามมาตรฐานการให้บริการของ MDC.in.th และ SLA.in.th
18.1 ตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (Performance Metrics)
- Network Latency: ค่า Latency ภายในโครงข่ายควรอยู่ในระดับต่ำกว่า 10–15ms
- Packet Loss: ไม่เกิน 0.5% ภายในศูนย์ข้อมูล
- Disk I/O: Storage ทำงานตามมาตรฐาน IOPS ของแพ็กเกจบริการ
- CPU Ready Time: สำหรับ VM ไม่ควรเกิน 5% ต่อคอร์
- Service Response Time: บริการเว็บหรือ API ควรตอบสนองภายใน 500–800ms
18.2 มาตรฐานคุณภาพบริการ (QoS Standards)
- มีการจัดสรรทรัพยากรตามแพ็กเกจที่ผู้ใช้บริการสมัครใช้งาน
- การจัดลำดับความสำคัญของทราฟฟิก (Traffic Prioritization) สำหรับบริการสำคัญ
- ตรวจสอบและป้องกันทราฟฟิกผิดปกติ เช่น Flooding, Broadcast Storm
- ควบคุมกรณีใช้งานเกินกำลังเพื่อป้องกันผลกระทบต่อผู้ใช้รายอื่น
18.3 การตรวจสอบคุณภาพบริการ (QoS Monitoring)
- ผู้ให้บริการตรวจสอบค่าคุณภาพ 24 ชั่วโมง
- แจ้งเตือนผู้ใช้บริการในกรณี QoS ต่ำกว่ามาตรฐาน
- มีรายงานประจำเดือนสำหรับลูกค้าที่ร้องขอ
- มีการวิเคราะห์สาเหตุและดำเนินการแก้ไขตาม SLA หาก QoS ต่ำกว่ากำหนด
19. นโยบายการทดสอบระบบ (System Audit & PenTest) #
นโยบายการตรวจสอบระบบและการทดสอบเจาะระบบถูกกำหนดขึ้นเพื่อประเมินความปลอดภัย ลดความเสี่ยง และป้องกันช่องโหว่ที่อาจกระทบต่อบริการหรือผู้ใช้บริการ โดยมุ่งเน้นให้ระบบมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้อยู่เสมอ
19.1 การตรวจสอบระบบ (System Audit)
- ตรวจสอบการตั้งค่าระบบและอุปกรณ์เครือข่ายประจำไตรมาส
- ตรวจสอบ Log การเข้าถึงระบบที่สำคัญเป็นประจำทุกเดือน
- ประเมินการตั้งค่า Firewall, User Access, Patch Level ของระบบ
- สามารถออกเอกสารสรุปผล Audit ให้ตามคำร้องขอของผู้ใช้บริการ
19.2 การทดสอบเจาะระบบ (Penetration Testing – PenTest)
- ผู้ใช้บริการสามารถขอ PenTest ได้ โดยมีค่าบริการเพิ่มเติม
- ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนเริ่มทดสอบ
- ห้ามทำ PenTest โดยไม่ได้รับการอนุญาตเด็ดขาด
- การทดสอบครอบคลุมเฉพาะระบบที่ผู้ใช้บริการมีสิทธิ์ตามกฎหมาย
19.3 การจัดการช่องโหว่หลังการทดสอบ
- จัดระดับความเสี่ยงเป็น Critical / High / Medium / Low
- ผู้ให้บริการดำเนินการแก้ไขช่องโหว่ตามลำดับความสำคัญ
- จัดทำรายงาน RCA พร้อมแนวทางแก้ไขและป้องกันเหตุซ้ำ
20. ข้อตกลงการใช้งานสำหรับตัวแทนจำหน่าย (Reseller Agreement) #
ข้อตกลงฉบับนี้กำหนดสิทธิ์ หน้าที่ และข้อจำกัดสำหรับตัวแทนจำหน่ายบริการ SLA.in.th ภายใต้การดูแลของ MDC.in.th เพื่อให้เกิดการให้บริการที่ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นมาตรฐานเดียวกัน
20.1 สิทธิ์ของตัวแทนจำหน่าย
- สามารถนำบริการของ SLA.in.th ไปจำหน่ายต่อให้ลูกค้าปลายทางได้
- สามารถกำหนดราคาจำหน่ายเพิ่มเติมได้ตามนโยบายของตนเอง
- ได้รับการสนับสนุนและข้อมูลทางเทคนิคจากผู้ให้บริการตามขอบเขต SLA
- เข้าถึงคู่มือ บริการหลังการขาย และข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามสิทธิ์ที่กำหนด
20.2 หน้าที่ของตัวแทนจำหน่าย
- ให้บริการสนับสนุนลูกค้าของตนเองในระดับ First-level Support
- ชี้แจงข้อมูลบริการให้ลูกค้าอย่างถูกต้อง ไม่บิดเบือนหรือปิดบังเงื่อนไขสำคัญ
- ชำระค่าบริการกับผู้ให้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด
- ปฏิบัติตามนโยบาย AUP นโยบายความปลอดภัย และข้อกำหนดทางกฎหมาย
20.3 ข้อห้ามสำหรับตัวแทนจำหน่าย
- ห้ามนำบริการไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น Spam, Fraud, Abuse
- ห้ามกระทำการที่ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของ MDC.in.th หรือ SLA.in.th
- ห้ามขายต่อบริการแก่บุคคลหรือพื้นที่ที่มีข้อจำกัดตามกฎหมาย รวมถึงพื้นที่ความเสี่ยงสูง เช่น บริการผิดกฎหมาย, การพนันออนไลน์, กิจกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ หรือพื้นที่ที่ต้องได้รับอนุญาตพิเศษ โดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากผู้ให้บริการ
20.4 การเพิกถอนสถานะตัวแทนจำหน่าย
- ผิดนโยบายซ้ำซากหรือสร้างความเสียหายต่อระบบ
- ค้างชำระค่าบริการหลายรอบบิล
- ใช้บริการในทางที่ผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนข้อตกลงอย่างร้ายแรง
- ผู้ให้บริการมีสิทธิ์ยกเลิกได้ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าในกรณีร้ายแรง